วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ลาก่อนเจ้านาย เราก็รักท่านนะ!

อีกไม่กี่วันเจ้านายหลายคนของพวกเรา ต้องเกษียณอายุราชการออกไป ซึ่งคิดไปแล้ว ก็ใจหาย

หลังจากนี้ เราจะไม่ได้เจอะเจอกันบ่อยเหมือนเคยเป็น เจ้านายผู้เกษียณเหล่านั้น ต้องไปอยู่ในโลกของตัวเอง–กับสิ่งที่ตัวเองเคยรักชอบหรือกับ สิ่งซึ่งตัวเองที่เคยมี เคยสร้างเอาไว้ตอนวัยทำงาน อันเป็นเวลาที่ต้องออกไปใช้ทักษะชีวิตของใครของมัน ที่มิใช่โลกของระบบราชการ ในสำนักงานแบบเดิมอีกต่อไป

เมื่อวันเวลาแห่งการอำลานี้ เดินมาถึงวันนี้ เจ้านายของผมก็คงทำใจได้ และมีเวลาเตรียมตัวอย่างพร้อมสรรพแล้ว เรื่องเงินทองสิ่งของตัวเองคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกแล้ว เหลือแต่ ด้านสุขภาพกายกับใจเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนจะต้องแสวงหาเอาเอง ตามฐานานุรูป - พูดภาษาธรรมะสักหน่อยต้องว่า แล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคน

ในระบบของหน่วยงานเรา ดูเหมือนจะไม่ได้สอนหรือเน้นให้คนพยายามบูรณาการการทำงานในสำนักงาน ให้เข้ากับเรื่องการพัฒนาทักษะชีวิตไปพร้อมๆกัน แต่มักมองแยกส่วนออกจากหน้าที่การงาน การใช้หรือความพยายามในการสร้างทักษะชีวิต จึงไม่ได้ผูกติดกับเรื่องฐานะ ยศตำแหน่ง ที่เคยมี แต่เป็นเรื่องที่เจ้านาย ทุกคนต้องแสวงหาพัฒนาตัวเองด้วยตัวเอง

ซึ่งหมายความว่า ต่อนี้ไปเจ้านาย ต้องไปอยู่ในโลกของตัวเองอย่างจริงจังเสียที จะกดกริ่งเรียกคนมาสั่งๆงาน ทำงานในห้องพิเศษ ติดแอร์ เย็นเฉียบ แวดล้อมไปด้วยลูกน้องเอาอกเอาใจ คอยสดับตรับฟังจัดบริการทุกอย่างให้ แถมอาจมีอภิสิทธิ์มากมายในองค์กร จนแทบไม่ต้องทำอะไรโดยตนเอง ก็จะมีโอกาสน้อยที่จะทำเช่นนั้นได้อีก เวลาที่เหลือ จึงขึ้นอยู่กับทักษะชีวิตของแต่ละคน ที่จะทำให้ชีวิตหลังชีวิตสำนักงาน เป็นไปอย่างราบรื่น มีความสุข

เคยพบว่า เจ้านายหลายคน ช่วงใกล้เกษียณอายุราชการ ถ้าเกิดไปยึดติดกับสิ่งเหล่านี้มากเกินพอดี ซ้ำเกิดภาวะปรับกายใจไม่ได้ เพราะขาดประสบการณ์หรือฝึกปรือทักษะชีวิตไว้ เจอะเจอโลกธรรมอีกแบบ ก็จะกลับกลายเป็นความทุกข์

เอาล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว จึงอยากมองว่า การเกษียณจากงาน แท้จริงแล้ว มิใช่การเดินทางถึงจุดสุดท้ายชีวิต คนหลายคนยังมองว่าเป็นโอกาส หรือสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับชีวิต

ฉันเองไม่มีโอกาส เข้าร่วมงานวันแห่งการล่ำลาอาลัย รวมถึงลิ้มรสชาติอาหาร มื้อพิเศษในวันอำลาที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ได้ อีกทั้งไม่มีโอกาสได้ชมวีดีทัศน์ “ปัจฉิมบทการทำงาน”ของเจ้านายแต่ละคน ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเตรียมกันมาเสนอเป็นอย่างดี

ขอหยุดเวลาที่เดินไปแล้วสักหน่อยสิ เปิดโอกาสให้ฉันได้ร่วมค้นหาความทรงจำและบอกกันหน่อยว่า สิ่งที่ฉันกับเจ้านายเคยทำร่วมกัน ไม่ว่าโดยทางตรง โดยอ้อม เพื่อกรมการพัฒนาชุมชน ทำให้ฉันคิดถึงพวกท่าน โดยเฉพาะ เรื่องดีๆ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ เป็นพิเศษ ด้วยสักคน

สำหรับฉันแล้ว ไม่นิยมเก็บความทรงจำว่า ใครคือเจ้านาย หรืออดีตเจ้านาย แต่มักทรงจำเสมอว่า ทุกคนใน พช. คือผู้ร่วมงาน หรือหนักเข้าหน่อยถ้าระดับพัฒนากร ก็ถึงขนาดผู้ร่วมชะตากรรมกันเลย จึงมีความดีความน่ารักมากน้อยผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง แต่เราต่างกันแค่บทบาท/หน้าที่ที่ถูกสมมุติขึ้นในเวลาหนึ่ง เท่านั้น

วันนี้ เราอาจชื่นชม หรืออาจห่วงหาอาลัยต่อกันบ้าง แต่สำหรับวันพรุ่งนี้ หากไม่พวกเราไม่เจ็บป่วยล้มตายเสียก่อนในวัยอันควร จึงหมายถึง ลุง ป้า ผู้อาวุโส สามารถร่วมวงเสวนา ลิ้มรสน้ำชาหอมอุ่นๆ จากถ้วยชาใบเดิมเก่าๆ ที่เคยบริการได้เหมือนเดิมเสมอ ห้องทำงาน และใจของฉัน และเพื่อนพ้องดีๆ อีกหลายคน ก็ยังมีประตูหัวใจ เปิดกว้างสำหรับคนพัฒนาชุมชนที่ร่วม หรือ เคยร่วมสุขทุกข์ด้วยกัน เสมอ

เจ้านายในวันนี้ หรือลุงป้า ของคนในร่างเดิมพรุ่งนี้ คือกัลยาณมิตร ที่ไม่เคยต่างจากที่ฉันเคยมอง หรือให้ความสำคัญดุจเพื่อนร่วมงานทุกคนเหมือนตอนทำงานในกรมการพัฒนาชุมชน เพราะฉันรู้ดีว่ายศฐา บรรดาศักดิ์ แท้จริงแล้ว เป็นหัวโขนที่ทุกคนไม่สามารถสวมใส่ติดตัวไปได้ตลอดชีวิตหรอก

เจ้านายครับ ที่ผ่านมาบังเอิญว่า ฉันเห็นฉันรู้เรื่องราวของท่านมากกว่า เพราะบังเอิญท่านเป็นตัวละครชูโรงมากกว่าฉัน การกระทำที่ผ่านมาบางเรื่องราว ถ้าเป็นเรื่องผิดพลาดในองค์กร ก็ช่างมันเถอะ เราอโหสิกรรมกันได้...

ชีวิตจริงข้างหน้า มันอาจหนักหนาสาหัสกว่านี้ เอาเรี่ยวเอาแรงไว้สู้ในรูปของทักษะชีวิตเพื่อชีวิตส่วนหนึ่งดีกว่านะ

ลาก่อนเจ้านายที่รัก ถึงเวลาที่เราต้องอำลาจากกันไปแล้ว หวังว่า บรรยากาศ อาหารแลทุกสิ่ง ในบรรยากาศที่จัดแล้วอย่างเป็นทางการ คงทำให้ทุกคนผู้เกี่ยวข้องมีความสุข และขณะเดียวกัน ก็เห็นชีวิต สัจจะธรรมใหม่ๆ สำหรับชีวิตด้วย

ที่ผ่านมา ฉันเพียงยืนเกาะรั้วราวสูง เผ้าสังเกตพวกคุณเท่านั้น แม้กระนั้น ฉันก็ให้ความสำคัญต่อพวกคุณ จะคิดถึงพวกคุณ จะลืมเลือนกันอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร เพราะบ่อยครั้งไปพวกคุณ เป็นตัวละคร ที่มีส่วนทำให้ฉันหัวเราะ ขำกริ้ง กับวิธีคิดและการกระทำ แต่บางครั้ง ก็เศร้า สมหวัง คละเคล้ากันจนเกิดการเรียนรู้ตลอดเวลาทีเดียว ชีวิตจริง และวัฒนธรรมองค์การราชการ ก็ดูจะเป็นเช่นนี้

ฉันให้สัญญากับตัวเองว่า จะต้อนรับพวกคุณด้วยความยินดี เสมอต้น-ปลาย ดังที่เคยทำ กับกัลยาณมิตร พช.ทุกคน หากว่าวันใด เราต้องพบกันนอกรั้วราวสูง อีก

เราจะคุยเรื่องสนุกๆ ปรัชญาชีวิต สัจจะธรรม คุณค่าความดีงาม เรื่องราวการผจญภัยในโลกกว้างร่วมกัน

ด้วยฉัน และชาวพัฒนาชุมชนอีกมากมาย อาจโดยบังเอิญ ล้วนถูกอบรม สอนสั่ง ให้เข้าใจธรรมชาติ เรียนรู้ความจริงของชีวิตและโลกอยู่ตลอดเวลาจากการทำงานหนัก จึงมีเวลาที่จะเสวนา สามารถเข้าใจ และต้อนรับ ใครได้ทุกคน โดย ไม่ต้องมัวเสียเวลากับการเติมคุณค่าใหม่ อะไรลงไปอีก...

ไม่มีความคิดเห็น: